1. จัดตั้งโครงสร้างและการประสานงานที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจบทบาทและความรับผิดชอบ
*
*
*
*
2. การจัดสรรทุนและสิ่งจูงใจให้เจ้าของบ้าน ครอบครัวรายได้ต่ำ และภาคเอกชนในการลงทุนเพื่อการลดความเสี่ยง
*
*
*
*
*
*
3. ปรับปรุงข้อมูลเรื่องภัยและความเสี่ยง รวมถึงความเปราะบางของชุมชน ให้ทันต่อเหตุการณ์ เสมอ และแบ่งปันผลการประเมินความเสี่ยง
*
*
*
*
*
4. ลงทุนสร้างและดูแลปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น ระบบท่อระบายน้ำ
*
*
*
5. ประเมินความปลอดภัยของโรงเรียนและสถานบริการทางสาธารณสุข และปรับปรุงเมื่อจำเป็น
*
*
*
*
6. ใช้ระเบียบด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินและระเบียบปฏิบัติด้านการดูแลอาคารเพื่อป้องกันความเสี่ยง รวมถึงมีการกำหนดพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับประชาชนที่มีรายได้ต่ำ รวมถึงมีการพัฒนาและยกระดับการตั้งถิ่นฐานที่ไม่เป็นทางการของชุมชน ตามที่สมควร
*
*
7. บรรจุโครงการด้านการศึกษาและฝึกอบรมเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในโรงเรียนและชุมชน
*
*
*
*
8. ปกป้องระบบนิเวศ และปราการธรรมชาติเพื่อบรรเทาภัยและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
*
*
*
*
9. วางระบบการเตือนภัยล่วงหน้าและเพิ่มขีดความสามารถในการบริการจัดการภาวะฉุกเฉิน
*
*
*
*
*
*
*
*
*
10. การสร้างชุมชนใหม่ต้องตั้งอยู่บนการมีส่วนร่วมและความต้องการชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
*
*
*
ที่มา: สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย. 2559. แบบประเมินความพร้อมด้วยตนเองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา: เมืองอุดรธานี • เมืองเชียงราย • เมืองหาดใหญ่. พิมพ์ครั้งที่ 1. โครงการเครือข่ายเมืองในเอเชียเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Asian Cities Climate Change Resilience Network: ACCCRN) โครงการเสริมสร้างการรับมือของเมืองกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mekong-Building Climate Resilient Asian Cities: M-BRACE. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2565, จาก